สโมสรที่เป็นเหมือนบ้าน, เมืองที่ผูกพันยิ่งกว่าบ้านเกิด, ผู้คนที่สนิทสนมเหมือนคนในครอบครัว และความรักที่มากล้นเสียจนเขาเองก็อาจจะคาดไม่ถึง ทุกสิ่งต้องนับ 1 ใหม่อีกครั้ง จากว่าที่ “วัน คลับ แมน” เมสซี่ จะต้องเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ จากที่ไม่เคยคิดจะย้ายไปไหนและลงหลักปักฐานเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ทุกอย่างต้องรีเซ็ตใหม่ทั้งหมด เพราะทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในวันที่ต้องโยกย้ายและเปลี่ยนแปลง จะปรับตัวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างไร ? นี่คือสิ่งที่ เมสซี่ อาจจะต้องเจอหลังจากนี้ อะไรรอเขาอยู่บ้าง ติดตามได้ครับ
หลายคนผิดหวังที่เห็นเขาย้ายทีม โดยเฉพาะแฟนทีมบาร์เซโลน่า หรือแม้กระทั่งลึก ๆ ของจิตใจเขาเองก็เสียใจไม่น้อยแน่ ๆ เรื่องการย้ายทีมของ เมสซี่ ไม่ใช่เรื่องลับอะไรครับ เพราะพูดกันมานานแล้ว ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น สถานการณ์การเงินของทีมตอนนี้ เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤต การไม่สามารถต่อสัญญากับ เมสซี่ เพราะค่าจ้างสูงเกินเพดานแล้ว หากมองในแง่ดีก็คิดได้ว่า เมสซี่ กำลังช่วยทีมอยู่นะ เพราะเขาไม่อยากให้ทีมต้องแบกรับภาระตรงนี้ เพราะทุกวันนี้ทีมก็เอานักเตะพวกค่าจ้างสูง ๆ ไปเร่ขายให้ทีมอื่น ๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะไม่มีเงินจะซื้อเหมือนกันแหละ
เรามาพูดเรื่องอนาคตของ เมสซี่ ดีกว่าว่าที่ เปเอชเช เขาน่าจะเจอกับเรื่องอะไรบ้าง ก่อนหน้าหลายปีก็มีนักเตะระดับตำนานของทีม บาร์เซโลน่า ที่ย้ายออก เช่น ซาบี้ หรือ อินเนียสต้า แต่พวกเขาย้ายออกเพราะเต็มอิ่มกับความสำเร็จแล้ว อยู่ในช่วงท้ายของชีวิตการค้าแข้งแล้วด้วย และทีมที่เขาเลือกไปเล่นนั้น ก็เป็นลีกฟุตบอลในทวีปเอเซีย จึงไม่ได้มีหรือเจอเรื่องกดดันอะไรมากมาย และแฟนบอลก็ไม่ได้คาดหวังในตัวเขาว่าจะต้องมาเป็น เดอะแบก ของทีมด้วยแค่เห็นตัวจริงก็ดีใจแล้ว
ความเข้มข้นของลีกเอิง มีแน่นอนแต่อาจไม่หนักมากนัก แต่กับทีม เปเอชเช ที่ลงทุนไปกี่พันล้านแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตตบอล ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ถ้วยใหญ่สุดของยุโรปได้ นี่แหละคือจุดใหญ่ที่จะทำให้ตัวเขารับแรงกดดัน แฟนบอลมองเขาวันแรกที่เซ็นสัญญาว่า นี่คือจิ๊กซอตัวสุดท้ายที่ทีมขาดไป ปีนี้พวกเขาต้องได้ถ้วยหูหิ้วแน่ ๆ แชมป์ลีกเอิงยังไม่สำคัญเท่านี้
เปเอชเช ตอนนี้กลายเป็นทีมรวมดาราไปแล้ว แน่นอนว่า เมสซี่ จะไม่ได้เป็น “วัน คลับ แมน” ช่วงแรกเขาต้องปรับตัวเอง จะต้องเขากับเพื่อนร่วมทีมใหม่ให้ได้ และกับวัฒนธรรมแฟนบอลฝรั่งเศส เพื่อเป็นแรงสนับสนุนตัวเขา การไหลไปตามน้ำคือวิธีการที่ดีกับสถานที่ใหม่ ในบริบทใหม่ แต่ไม่ใช่จะต้องเสียความเป็นเอกลักษณ์ตัวตน การต้องมาร่วมทีมกับนักเตะจอมอีโก้สูง หลายคนมองว่า บางครั้งเก่งกับเก่งมาเจอกันใช่จะออกมาดี เพราะลึก ๆ นักเตะพวกนี้มีความต้องการสูงไม่ได้ก็ต้องไม่เสีย
กรณีของ เนมานย์ ที่ย้ายออกจากทีม บาร์เซโลน่า เมื่อหลายปีก่อนเพราะอะไร นักวิเคราะห์มองว่าเขาไม่ต้องการอยู่ใต้ปีกของใคร หรือนักเตะอย่าง เอ็มปับเป้ เสมือนเป็นเจ้าถิ่นเก่าเป็นสัญญาลักษณ์ของทีมจะรับได้มั้ย นักเตะอย่าง รามอส ที่ย้ายมาจากทีม มาดริด เพราะปัญหาส่วนตัวไม่รู้พกนิสัยแย่ ๆ มาด้วยรึเปล่า เอาแค่สามคนนี้ก่อนที่เขาต้องเจอ หน้างานมีแต่รอยยิ้มเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอลับหลังก็อีกเรื่องหนึ่ง ไหนจะพวกเกรดสองที่ปกติก็ใช้โคต้าเมียเก็บอยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มแรงเจ็ดสีเป็นสิบสองสีมั้ยเมสซี่ กับวัย 34 ปี แม้จะดูเป็นเรื่องยากและเวลาก็เหลือน้อยเต็มที แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตทั้งในและนอกสนามของเขา เชื่อว่ามีมากพอกับเรื่องแบบนี้ เพราะคนที่ผ่านอะไรมามากแล้ว เวลาเจอเรื่องแย่ ๆ เขาปรับได้เองตามสัญชาตญาณ นี่คงเป็นเวทีสุดท้ายของเขาแล้ว หากอยู่จนครบสัญญาครับ