UFABET เช็คผลบอล เปิดสถิติสโมสรทำกำไรแห่งพรีเมียร์ลีก

UFABET

รวยเหลือๆ UFABET เปิดอณาจักรเทพแห่งการทำกำไรเบอร์ 1 แห่งพรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน ประกาศงบดุลประจำปี 2023-24 โดยได้ผลออกมาสุดยอดเกินคาดเมื่อพวกเขาทำกำไรไปถึง 122 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นการทำกำไรต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันและเป็นการทำกำไรครั้งประวัติศาสตร์ ในแบบที่ไม่เคยมีสโมสรไหนในพรีเมียร์ลีกได้กำไรมากขนาดนี้มาก่อนทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาได้ไม่ถึง 10 ปีนี้ได้พัฒนาสโมสรแบบต่อเนื่องยิ่งกว่าสตาร์ทอัพยูนิคอร์น พวกเขาทำได้ได้อย่างไร เบื้องหลังของหมากเกมนี้ช่างร้ายเหลือติดตามกับเราที่นี่เว็บไซต์แทงบอลออนไลน์ พรีเมียร์ลีก และลีกอื่นๆ ชั้นนำทั่วโลก

เมื่อหัวเริ่มสาย หางจึงเริ่มกระดิก ไบรท์ตัน เป็นทีมระดับลีกวัน หรือแชมเปี้ยนชิพมาโดยตลอดในช่วงยุค 90s ต่อ 2000s ในช่วงเวลานั้น สโมสรบริหารทีมแบบยุคเก่าไม่ได้มีแผนการตลาดหรือโครงการสร้างทีมระยะยาวเลย ดังนั้นพอถึงเวลาที่ทีมเริ่มตกต่ำและตัวเลขในบัญชีเริ่มเป็นสีเเดง สิ่งต่างๆ จึงเกิดขึ้นร็วมากไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสนามเหย้าที่ชื่อว่า โกลด์สโตน กราวด์ ในปี 1997 การฝืนทำทีมแบบไม่ประสบความสำเร็จและไม่เกิดกำไรทำให้เจ้าของเก่าอย่าง ดิค ไนท์ ต้องขายกิจการให้กับคนรุ่นใหม่อย่าง โทนี่ บลูม

โทนี่ บลูม เศรษฐีชาวอังกฤษที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยธุรกิจ “ให้ทีเด็ดบอล” หรือแปลแบบภาษาทางการคือ ผู้ให้คำแนะนำในการเดิมพันฟุตบอลและเหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเป็นแฟนบอลของ ไบรท์ตัน มาตั้งแต่จำความด้วย บลูม นำเงิน 93 ล้านปอนด์มาซื้อหุ้นเพื่อเป็นเจ้าของของ ไบรท์ตัน ต่อจากไนท์ ณ ตอนนั้นทีมยังอยู่ลีกวันอยู่เลยด้วยซ้ำ หลักการบริหารของ บลูม คือทุกอย่างต้องเริ่มจากรากฐานการจะทำอะไรให้สำเร็จต้องรู้จริงมากที่สุด และงานส่วนไหนที่เขาไม่รู้หรือรู้ไม่มากพอ

เขาก็จะจ้างทีมงานที่เก่งกาจเฉพาะทางเข้ามาบริหาร หนึ่งในคนที่เป็นเหมือนกุญแจสำคัญในการสร้างทีม ไบรท์ตัน ยุคลีกวันคือ พอล บาร์เบอร์ ที่ บลูม จ้างเข้ามาเพื่อเป็น ซีอีโอ หรือประธานบริหารของทีมหลักการทำงานมีอยู่ว่า บาร์เบอร์ อธิบายทุกสิ่งที่เขารู้และบอกเล่าทุกสิ่งที่เขาคิด อะไรบ้างที่สโมสรต้องทำเพื่อทะยานไปข้างหน้าแบบรวดเร็วที่สุด โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทองและราคาค่างวด เพราะส่วนนี้คนพิจารณาสุดท้ายคือ บลูม ชายที่โฆษณาตัวเองว่ามีเซ้นส์ในการตัดสินใจที่เฉียบคมที่สุด ซึ่งเป็นนิสัยที่เขาได้มาจากการเป็นเซียนโป๊กเกอร์

“การเล่นโป๊กเกอร์จะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีมากในการอ่านสถานการณ์ต่างๆ คุณจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเวลาเจอเรื่องที่ยากต่อการฟันธง ทักษาะเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เกี่ยวกับการธุรกิจและฟุตบอล” บลูม โฆษณาตัวเองแบบนั้น บาร์เบอร์ อธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าเหตุผลที่ ไบรท์ตัน เป็นทีมที่เดินหน้าต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนกุนซือและนักเตะในทีมแทบจะทุกซีซั่น ก็เพราะพวกเขาเน้นไปที่การมองภาพกว้างเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น

การกำหนดวิธีการเล่น วิธีการซื้อ-ขายนักเตะ พวกเขาจะไม่สร้างทีมเพื่อให้โค้ชคนใดคนหนึ่งทำผลงานได้ดี แต่พวกเขาสร้างทีมเพื่อให้มีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง แนวทางที่ชัดเจนและทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนโค้ช พวกเขาก็จะพิถีพิถันคุยกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับสโคปงานที่ผู้ถูกจ้างว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ดังนั้นเมื่อโครงสร้างดีก็เหมือนกับโปรเเกรมหนึ่งในคอมพิวเตอร์ที่มีระบบเสถียร ไม่ว่าใครจะเป็นคนเปิดคอมขึ้นมาและกดปุ่มคลิกโปรเเกรมนั้น โปรแกรมจะถูกรันไปอย่างอัตโนมัติ

การบริหารของ ไบรท์ตัน ไม่ได้มองไปที่ว่า ทำไมโค้ชคนนี้ไม่ซื้อนักเตะคนนั้น หรือไม่เล่นแผนนี้ล่ะ แต่มันคือการออกมาดูภาพรวมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมอยู่ในช่วงของพัฒนาการเชิงบวกหรือไม่? สโมสรไม่เคยสร้างทีมเพื่อตามใจโค้ชคนใดคนหนึ่งเพราะพวกเขาไม่อยู่กับทีมตลอดไป วันหนึ่งพวกเขาจะลาออกไป ดังนั้นผู้บริหารต้องสร้างทีมที่พร้อมพัฒนาไปตลอดไม่ว่าอยู่ในมือของโค้ชคนไหน “ความท้าทายของ ไบรท์ตัน ที่เจอมาตลอดคือการพัฒนาทีมอย่างไร

เมื่อโค้ชเปลี่ยนมือจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง” บาร์เบอร์ กล่าว และถ้าคุณติดตามไบรท์ตันมาตั้งแต่เลื่อนชั้น คุณก็จะเห็นแบบนั้น จากยุค คริส ฮิวจ์สตัน ที่มีเป้าหมายเพื่อความอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ยุคของแกรม พ็อตเตอร์ ที่สร้างทีมให้มีสไตล์ที่ชัดเจนและมีวิธีการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ และยุคปัจจุบัน ที่มี โรแบร์โต้ เดอ แชร์บี้ มาต่อยอดเพื่อพาทีมจากยุคพ็อตเตอร์ ให้บินสูงไปอีกระดับหนึ่ง

การเดินหมากแบบคิดล่วงหน้า การที่ บลูม และ บาร์เบอร์ พา ไบรท์ตัน ขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ถือเป็นความท้าทายในอีกระดับ เหล่าสโมสรน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีกมีวิธีคิดแตกต่างกันในวันที่พวกเขาได้เลื่อนชั้น บางทีมเลือกที่จะใช้ทีมชุดเดิมๆ เพราะเชื่อว่าการเก็บเงินก้อนโตจากค่าลิขสิทธิ์ไว้ใช้ในระยะยาว ดีกว่าเอาไปทุ่มเสริมทัพจนหมดเพื่อเพิ่มโอกาสการอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป เพราะมันคือความเสี่ยงมหาศาลถ้ารอดก็ดีไป

แต่ถ้าไม่รอดและใช้เงินจนหมดกระเป๋า การกลับมาในจุดนี้อีกครั้งจะเป็นเรื่องยากสุดๆ สโมสรไบรท์ตันเองก็เลือกแบบนั้น โทนี่ บลูม ไม่ได้ใช้เงินที่มีทั้งหมดไปกับการเสริมทัพตั้งแต่ตลาดแรก แต่ใช้วิธีค่อยๆ ผลัดใบนักเตะที่คลาสยังไม่ถึงและเสริมตัวที่มีราคาไม่แพง ซึ่งในปีแรกที่ขึ้นมาพรีเมียร์ลีก ไบรท์ตัน ก็ถือว่าลองผิดลองถูกเหมือนกัน โดยเน้นไปที่นักเตะที่ค้าแข้งในลีกนอกประเทศเพราะมีราคาถูกกว่า

โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่อเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ซึ่งเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์แล้ว พร้อมลงเล่นทันที อีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่ซื้อตามนโยบายของสโมสรแต่แรก คือกลุ่มดาวรุ่งราคาถูก อายุน้อยและมีแวว ซึ่งอาจจะด้วยความใหม่ในเวทีพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนั้น จึงยังไม่มีดาวรุ่งที่ ไบรท์ตัน ซื้อมาแล้วเอามาใช้งานหรือขายทำกำไรได้ สรรหา บ่มเพาะ ขายต่อ ประการแรก ไบรท์ตัน และ แอชเวิร์ธ ลงทุนกับเรื่องของฐานข้อมูลนักเตะจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก บาร์เบอร์ เล่าว่า

ทีมเขามีฐานข้อมูลของนักเตะมากมายเป็นร้อยๆ คน โดยในฐานข้อมูลนั้นก็จะเต็มไปด้วยข้อมูลต่างและตัวเลขสถิติต่างๆ ยิบย่อยไปจนถึงลักษณะนิสัย และการใช้ชีวิต ซึ่งพวกเขาก็จะมีเกณฑ์การตัดสินในแต่ละครั้งว่า นักเตะคนไหนที่ราคาน่าลงทุน ไม่แพงเกินไป มีศักยภาพพอจะไปต่อหรือแม้กระทั่งลึกลงไปอีกว่า หากซื้อมาแล้วจะเอามาเล่นตรงไหนให้กับทีม มีคุณสมบัติพร้อมสำหรับฟุตบอลระดับสูงหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษะ ร่างกาย และการใช้ชีวิตในต่างเเดน

เพราะส่วนใหญ่นักเตะที่ ไบรท์ตัน ซื้อมานั้น ล้วนแต่ไม่เคยย้ายออกมาจากบ้านเกิดของพวกเขาทั้งสิ้นและถ้ามีการประเมินภายในว่า นักเตะคนนั้นยังไม่ดีพอหรือยังไม่พร้อมสำหรับพรีเมียร์ลีก พวกเขาจะยอมขาดทุนก่อนด้วยการปล่อยยืมให้กับอื่นๆ โดยเลือกไปที่สโมสรที่มีแนวทางการเล่น วิธีการใช้งานนักเตะของพวกเขาในแบบใกล้ๆ กัน เพื่อที่ในวันที่สัญญายืมตัวจบลง ไบรท์ตัน จะได้นักเตะที่คุ้นชินกับตำแหน่งและวิธีการเล่นในแบบพวกเขามากทีสุด

ซึ่งมันทำให้เมื่อเวลานั้นมาถึง เด็กๆ หลายคนที่ ไบรท์ตัน ซื้อมาก็จะปรับตัวไม่นานเกินรอเมื่อเบื้องบนมีการวางแผนงานเพื่ออนาคตที่ดี มีการเอาคนรู้จริงมาทำงานในการเลือกเฮ้ดโค้ชแต่ละครั้ง ไบรท์ตัน จึงเป็นทีมที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยอย่างต่อเนื่อง แม้จะช้าไปบ้างไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมาย แต่มันเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง แน่นอนว่าพวกเขายังไม่เคยคว้าเเชมป์ระดับเมเจอร์ได้

ในยุคของ บลูม แต่มันก็มีหนึ่งเรื่องที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในแบบที่ทีมในพรีเมียร์ลีกทีมอื่นทำไมได้นั่นคือ การ “ปั้นนักเตะและขาย” เพื่อทำให้ทีมมีสถานะทางการเงินที่เเข็งแกร่งไปพร้อมๆ กับการเล่นในสนามที่ยังคงมีมาตรฐาน ทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้ ถูกใจทั้งแฟนบอลและถูกใจทั้งผู้บริหาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย